วิธีการปฏิบัติ
-
เจือจางด้วยน้ำใช้รดพืช โดยนำน้ำปัสสาวะ 1 ส่วน ต่อน้ำ 8 ส่วนผสมกัน แล้วรดลงบนดิน รอบๆพุ่มไม้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ถ้าหากจะรดปัสสาวะ 100% เลย ผิวดินควรมีเศษไม้ใบไม้หนาอย่างน้อย 3 นิ้ว
-
ผสมกับน้ำทิ้งในครัวเรือน น้ำทิ้งจากครัวเรือน น้ำอาบจากสบู่แชมพู,น้ำล้างจาน,น้ำซักผ้า จะมีคาร์บอนสูง ส่งไปตามท่อที่มีการเติมอากาศไปยังแปลงผักจุลินทรีย์ในดิน จะเปลี่ยนน้ำปัสสาวะไปเป็นอาหารพืชได้
-
หมักน้ำปัสสาวะด้วยน้ำตาลที่เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีคาร์บอนมากในปริมาณน้อยๆ ใช้น้ำปัสสาวะ 1 ลิตรผสมน้ำตาล 1/3 ถ้วย ใส่ในท่อหรือภาชนะทรงสูงประมาณ 10 นิ้วแล้วเติมถ่าน,ขี้เลื่อย เศษกระดาษ หรือทรายหยาบ หมัก เมื่อนำไปใช้เจือจางด้วยน้ำไปรดต้นไม้
-
นำน้ำปัสสาวะเทใส่ถังหมักปุ๋ยที่ใช้พวกเศษกิ่งไม้ต่างๆจะช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุเหล่านี้ให้เป็นปุ๋ยหมักได้เร็วขึ้น
-
การใช้น้ำปัสสาวะให้ปลอดภัยต้องได้จากคนไม่เป็นโรค ถ้าให้ดีควรเก็บไว้นาน 6 เดือนก่อนนำไปใช้รดลงดิน จุลินทรีย์ในดินจะทำลายเชื้อโรค ข้อมูลการทดลองใช้ต่างๆจากต่างประเทศ
วิธีการนำน้ำปัสสาวะเพื่อใช้เป็นปุ๋ย
วัสดุ/อุปกรณ์
-
ถัง
-
กากน้ำตาล 1 ลิตร
-
น้ำหมักชีวภาพ 1 ลิตร
นำกากน้ำตาลและน้ำหมักชีวภาพผสมให้เข้ากันใส่ลงไปในถัง แล้วปิดฝาหลังจากนั้นให้นำน้ำปัสสาวะเติมลงไปในทุกวันคนแล้วปิดไว้ โดยเติมน้ำปัสสาวะลงไปทุกวัน จนครบ 20 วัน ก็สามารถนำไปใช้ได้ นาข้าวใช้น้ำหมักปัสสาวะ 1 ส่วน/น้ำ 200 ส่วน โดยใช้น้ำหมักปัสสาวะ 2 ลิตร/ไร่
วิธีการผลิตปุ๋ยยูเรียจากน้ำปัสสาวะ
วัสดุ/อุปกรณ์
-
น้ำปัสสาวะ จำนวน 10 ลิตร
-
กากน้ำตาล จำนวน 2 ลิตร
นำมาผสมกันใส่ถังพลาสติก หมัก 10-30 วัน หากสังเกตว่ามีฝ้าสีขาวเกิดขึ้น แสดงว่าหมักได้ที่แล้ว สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เลย (ประมาณ 10 วัน ก็ใช้ได้)
การนำไปใช้
-
สำหรับพืชผักสวนครัว ใช้ในอัตราส่วน น้ำหมัก 1 ลิตร + น้ำเปล่า 1,000 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7 วัน จะช่วยเป็นปุ๋ยและเป็นฮอร์โมนบำรุง ให้พืชผักสวนครัว มีความสมบูรณ์แข็งแรง และต้านทานโรคได้ดี
-
สำหรับไม้ผลหรือสวนยางพารา ใช้ในอัตราส่วน น้ำหมัก 1 ลิตร + น้ำเปล่า 500-1,000 ลิตร จะช่วยเป็นปุ๋ยและเป็นฮอร์โมนบำรุงให้ต้นไม้มีความอุดมสมบูรณ์และต้านทานโรคได้ดี